กลัวเเฟนไม่รัก ไม่กล้ามีความรัก กลัวความสัมพันธ์ระยะยาว กับบาดแผลในวัยเด็ก
- Pattreya Riwthong
- 29 เม.ย.
- ยาว 1 นาที

(คำอธิบายเเถบสีอยู่ด้านล่าง)
ประสบการณ์เจ็บปวดในวัยเด็กส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ โดยหล่อหลอมรูปแบบความผูกพัน (attachment styles) ปัญหาความไว้วางใจ และรูปแบบการสื่อสาร ซึ่งอาจนำไปสู่ความซับซ้อนทางอารมณ์
บาดแผลในวัยเด็กคืออะไร?
"บาดแผลในวัยเด็ก" เป็นคำที่ครอบคลุมประสบการณ์เจ็บปวดที่เราอาจเผชิญตอนเป็นเด็ก เช่น:
ความรุนแรงทางร่างกาย
การล่วงละเมิดทางเพศ
ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
การสูญเสียคนที่รัก
การถูกทอดทิ้ง
การอยู่ในสถานสงเคราะห์
เหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้เรารู้สึกกลัว หมดหนทาง หวาดผวา หรือท่วมท้นด้วยอารมณ์
อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวและเยียวยาสามารถทำได้ผ่านการบำบัด การดูแลตัวเอง และการจัดการความสัมพันธ์ ซึ่งช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้
ผลกระทบต่อความสัมพันธ์
รูปแบบความผูกพัน (Attachment Styles)
ทฤษฎีความผูกพันเสนอว่าความสัมพันธ์กับผู้ดูแลในวัยเด็กมีอิทธิพลต่อรูปแบบความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ มี 3 รูปแบบหลัก:
แบบวิตกกังวล (Anxious-preoccupied) - กลัวการถูกทอดทิ้งอย่างมาก ต้องการการยืนยันตลอดเวลา มักรู้สึกว่าคู่ของตนไม่ได้ใส่ใจมากพอ
แบบหลีกเลี่ยง (Dismissive-avoidant) - หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้อื่น หรือไม่ไว้ใจคนสำคัญ ส่งผลให้ไม่เปิดใจทางอารมณ์
แบบหวาดกลัวการใกล้ชิด (Fearful-avoidant) - ต้องการความรักและการเอาใจใส่ แต่มักหลีกเลี่ยงการพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิด
สามรูปแบบนี้เชื่อมโยงกับความยากลำบากในความสัมพันธ์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก แต่เกิดจากประสบการณ์วัยเด็กที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ
ปัญหาความไว้วางใจ
หากเรามีประสบการณ์เจ็บปวดในวัยเด็กเราอาจพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะไว้ใจผู้อื่น เราอาจไม่มั่นใจว่าคู่ของเราจะอยู่เคียงข้างเมื่อเราต้องการ หรือไว้ใจคำพูดของพวกเขาเมื่อบอกว่าจะเคารพความต้องการและขอบเขตของเรา
🚩การตกอยู่ในวงจรบาดแผลซ้ำ(ชอบเหลือเกินธงเเดง)
เราอาจคิดว่าตัวเองกำลังวนเวียนอยู่ในวงจรเดิมจากชีวิตวัยเด็ก และนำตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่อาจเจ็บปวดอีกครั้งทั้งทางอารมณ์หรือร่างกาย ไม่ใช่ว่าเราไม่รักตัวเอง แต่อาจเป็นกลไกป้องกันตัวเองที่นำเราไปหาสิ่งที่คุ้นเคย หรืออาจเป็นความพยายามโดยไม่รู้ตัวที่จะเยียวยาโดยการเผชิญกับความท้าทายเดิม
ดร. แนนซี่ เออร์วิน นักจิตวิทยาคลินิกในลอสแองเจลิส กล่าวว่า "หากบาดแผลนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ผู้คนจะแสวงหาความสบายใจจากสิ่งที่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว แม้ว่ามันจะเจ็บปวดก็ตาม"
อุปสรรคในการสื่อสาร
รูปแบบการสื่อสารที่พัฒนาในวัยเด็กอาจเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่:
แบบยอมจำนน (Passive) - อ้อมค้อม ปฏิเสธตัวเอง หรือขอโทษตลอดเวลา
แบบก้าวร้าว (Aggressive) - ไม่จริงใจทางอารมณ์ และเห็นแก่ตัวโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น
แบบก้าวร้าวแฝง (Passive-aggressive) - ไม่เหมาะสมในบางสถานการณ์ ชอบกล่าวโทษ ควบคุม โจมตีโดยตรง
มีปัญหาด้านทักษะทางอารมณ์
ผู้ที่มีบาดแผลในวัยเด็กอาจมีปัญหาในการพัฒนาทักษะทางอารมณ์ (EQ) ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลซับซ้อนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม EQ เป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ในทุกวัย
ปัญหาต่าง ๆ สามารถเยียวยาได้
การฟื้นฟูจากบาดแผลในวัยเด็กสามารถทำได้ผ่านการดูแลตนเองและการบำบัดความสัมพันธ์:
การเข้าใจผลกระทบของบาดแผลในวัยเด็กเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ พัฒนาทักษะทางอารมณ์ และเสริมสร้างพลวัตความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น
🔹 การดูแลตัวเอง (Self-care)
การดูแลตัวเองให้เต็มเปี่ยมเป็นสิ่งสำคัญระหว่างที่คุณกำลังเยียวยาความสัมพันธ์
แม้การทำงานร่วมกับนักบำบัดที่เชี่ยวชาญด้านบาดแผลทางใจจะช่วยได้มาก แต่คุณก็สามารถเติมเต็มตัวเองด้วยกิจกรรมที่แสดงความรักต่อตัวเอง ซึ่งจะช่วยเสริมกระบวนการเยียวยา
มีทางเลือกบางอย่างที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม เช่น:
อาหาร: การรับประทานอาหารที่สมดุล มีสารอาหารครบถ้วนจากธรรมชาติ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นโดยรวม
การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายระดับปานกลาง อย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ช่วยเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ
สติและสมาธิ: การฝึกโยคะหรือทำสมาธิช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย
การนอนหลับ: การนอนให้เพียงพอ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยลดความเหนื่อยล้าและอาการปวดเรื้อรัง
การสะท้อนความคิด: การเขียนไดอารี่หรือใช้เวลาไม่กี่นาทีต่อวันไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น
🔹 การดูแลความสัมพันธ์ (Relationship care)
ลองเล่าอาจอธิบายกับคนรอบตัวว่า เรามีบาดแผลในวัยเด็กอาจส่งผลต่อรูปแบบความสัมพันธ์ของเรา เรากำลังพยายามเยียวยาและพัฒนาตัวเอง ซึ่งทำให้คนรอบตัวเข้าใจเราแล้วอยากช่วยเหลือ
ค่อย ๆ แชร์บางช่วงบางตอนของเรื่องราวกับคู่รักหรือเพื่อนสนิท เพื่อให้พวกเขาเข้าใจบริบทมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างในครั้งเดียว
Brené Brown แนะนำไว้ว่า:
“ควรแบ่งปันเรื่องราวกับคนที่ ‘สมควรได้รับสิทธิ์ในการฟัง’ เท่านั้น”
แต่อย่าลืมว่า: คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องราวของคุณเลยก็ได้ เพื่อจะเยียวยาตัวเอง
ถ้าคุณและคนที่คุณรักพร้อมเปิดใจ การเข้ารับการบำบัดร่วมกัน เช่น การบำบัดคู่หรือครอบครัว อาจเป็นอีกทางเลือกที่ดี
เรียบเรียงและแปลจากบทความ https://psychcentral.com/blog/how-childhood-trauma-affects-adult-relationships#next-steps
สีสิทธิเด็กที่เกี่ยวข้อง (แถบสีด้านล่างภาพ):
สีขาว: เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็น
สีเขียว: เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีเวลาพัก
สีน้ำเงิน: เด็กทุกคน จะได้รับสิทธิเท่าเทียมกันทุกคน
สีแดง: สิทธิที่จะรับการฟื้นฟู
สีส้ม: สิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงทางเลือก เช่น การรับเป็นบุตรบุญธรรม
สีฟ้า: การกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ต้องถือเป็นความสำคัญลำดับหนึ่ง
สีม่วง:เด็กทุกคนมีสิทธิในการใช้ชีวิตและพัฒนาตัวเอง
🚨 สามารถอ่านบทความฉบับย่อ อ่านง่าย แชร์ง่าย เเละติดตามเพื่อไม่พลาดข่าวสารด้านคุกคามทางเพศเด็กและเยาวชนใหม่ๆได้ที่ Facebook Safeguardkids.org
หรือกดลิ้งค์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/safeguardkidsorg/