top of page
Safeguardkids_Brand-Update_page-0012.jpg

Cyberbullying คืออะไร?: ภัยเงียบที่คุกคามเด็กไทยในโลกออนไลน์

  • Pattreya Riwthong
  • 21 พ.ค.
  • ยาว 2 นาที

อัปเดตเมื่อ 8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ภัยออนไลน์ที่คุกคามเด็กและเยาวชนไทยก็เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะปัญหา "ไซเบอร์บูลลี่" (Cyberbullying) หรือการกลั่นแกล้งทางออนไลน์ ซึ่งพบมากถึง 49% ของภัยออนไลน์ทั้งหมด ตามด้วยการเข้าถึงสื่อลามกและพูดคุยเรื่องเพศกับคนแปลกหน้า (19%) การติดเกม (12%) และการถูกล่อลวงให้ไปพบคนแปลกหน้า (7%)

 

Cyberbullying คืออะไร?

Cyberbullying หรือการระรานทางไซเบอร์ หมายถึงการกลั่นแกล้ง ให้ร้าย ล้อเลียน หรือระรานผู้อื่นบนโลกอินเทอร์เน็ต โดยใช้อำนาจเพื่อทำให้ผู้อื่นรู้สึกกลัว รู้สึกแย่ หรือรู้สึกไร้ค่า ไม่ว่าจะเป็น:

  • การโพสต์หรือพิมพ์ข้อความด่าว่า

  • การแต่งเรื่องราวหลอกลวงให้ผู้อื่นเสียหาย

  • การตัดต่อภาพหรือวิดีโอล้อเลียน

  • การสวมรอยเป็นผู้อื่นบนโลกออนไลน์

สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนอาวุธที่คอยทิ่มแทงจิตใจของผู้ถูกกระทำ


ผลกระทบของ Cyberbullying 

อย่ามองข้ามพฤติกรรมการรังแกกันในโลกออนไลน์ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในโลกดิจิทัลสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตจริงได้อย่างรุนแรง ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งออนไลน์อาจเผชิญกับ:

·     ความเครียดและวิตกกังวล

·     ภาวะซึมเศร้า

·     ปัญหาสุขภาพจิต

·     ผลกระทบต่อการเรียนหรือการทำงาน

·     ในกรณีรุนแรง อาจนำไปสู่ความคิดหรือการพยายามฆ่าตัวตาย

 

 

รูปแบบของการคุกคามแบบ Cyberbullying

  1. การก่อกวน ข่มขู่คุกคาม – ส่งข้อความก่อกวนทั้งในกล่องข้อความส่วนตัวหรือโพสต์ลงบนโซเชียลมีเดีย 

  2. การให้ร้ายใส่ความ - สร้างเรื่องหลอกลวงหรือใส่ความไปในทางเสื่อมเสีย เพื่อทำให้อับอาย

  3. การเผยแพร่ความลับหรือแบล็กเมล์ – นำความลับมาเปิดเผยเพื่อสร้างความเสียหาย ทำให้หลงเชื่อเพื่อหลอกไปทำเรื่องไม่ดีหรือนำข้อมูลไปเปิดโปง

  4. การแอบอ้างชื่อ – สร้างบัญชีปลอมหรือแฮ็กข้อมูลเพื่อสร้างเรื่องหลอกลวง แอบใช้ตัวตนของผู้อื่นเพื่อสร้างความเสื่อมเสีย

 

สถานการณ์ในประเทศไทย

ข้อมูลสถิติจาก AIS เผยว่า 48% ของเด็กไทยเคยเกี่ยวข้องกับการรังแกบนโลกออนไลน์ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่ 33% สะท้อนให้เห็นว่าปัญหานี้ในไทยยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือให้ความสำคัญเท่าที่ควร

 

สาเหตุของปัญหา

  1. การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวมากเกินไป - เด็กและเยาวชนที่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวอาจถูกติดตาม คุกคาม หรือถูกล่อลวงได้ง่าย และ ผู้ปกครอง - การแชร์ภาพ วิดีโอ เช็คอิน หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของเด็กโดยผู้ปกครองเอง อาจเปิดช่องให้มิจฉาชีพเข้าถึงได้ง่าย

  2. ปัญหาเชิงโครงสร้าง - ตั้งแต่สถาบันครอบครัวและสถานศึกษาที่ไม่ได้แก้ไขทัศนคติเกี่ยวกับการหยอกล้อหรือล้อเลียนกัน ทำให้พฤติกรรมเหล่านี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นและลามไปถึงโลกออนไลน์

 

วิธีป้องกันและรับมือ


สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกัน:

  1. สื่อสารและปลูกฝังเรื่องการระมัดระวังคำพูด - สอนเด็กให้ตระหนักถึงผลกระทบของคำพูดและการกระทำ รวมถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่พูดออกไป

  2. สอนทักษะก่อนเล่นโซเชียลมีเดีย ได้แก่:

    • ใจเขาใจเรา - รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่ตัดสินหรือด่าทอผู้อื่นเพียงเพราะสิ่งที่เห็น

    • เช็กก่อนเชื่อ - ตรวจสอบข้อมูลก่อนโพสต์หรือแสดงความคิดเห็น

    • คิดก่อนโพสต์ - ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวหรือรูปภาพที่ไม่เหมาะสม

  3. สร้างภูมิคุ้มกันทางไซเบอร์ - ฝึกทักษะการรู้เท่าทันสื่อ การจัดการตัวตนและชื่อเสียง และการรักษาความเป็นส่วนตัว

  4. สอนให้ระวังคนแปลกหน้า - ให้เด็กเข้าใจและระมัดระวังบุคคลที่พยายามเข้าใกล้ด้วยการให้ของขวัญหรือเงิน

  5. สอนให้รู้จักพฤติกรรมที่น่าสงสัย - เข้าใจรูปแบบพฤติกรรมของคนแปลกหน้าที่ควรหลีกเลี่ยง


วิธีรับมือเมื่อถูกกลั่นแกล้งออนไลน์:

  1. ไม่โต้ตอบ - การตอบโต้อาจทำให้เรื่องบานปลายมากขึ้น

  2. บล็อก - ปิดช่องทางไม่ให้ผู้กลั่นแกล้งเข้าถึงได้

  3. ไม่เก็บไว้คนเดียว - ขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือผู้ใหญ่ที่ไว้ใจ

  4. เก็บหลักฐาน - รวบรวมหลักฐานของการกลั่นแกล้งเพื่อดำเนินการทางกฎหมายหากจำเป็น

 

การใช้กฎหมายหยุด Cyberbullying อย่างเด็ดขาด

สำหรับผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งออนไลน์ อย่าเพียงแค่ร้องไห้หรือเสียกำลังใจ คุณมีสิทธิ์ที่จะดำเนินการทางกฎหมาย โดยรวบรวมหลักฐานการถูกระราน ไม่ว่าจะเป็นการถูกด่าทอ การตัดต่อรูปเพื่อสร้างความเสียหาย หรือการปลอมแปลงตัวตน แล้วนำไปแจ้งความกับตำรวจ

ในประเทศไทยมีกฎหมายที่สามารถเอาผิดผู้ที่รังแกโดยใช้ไซเบอร์เป็นเครื่องมือได้ ดังนี้:

กฎหมายการหมิ่นประมาท

1.        มาตรา 326 - ผู้ที่ใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่อาจทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียงหรือถูกเกลียดชัง มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.        มาตรา 328 - การกระทำผิดด้วยการทำโฆษณา สร้างเอกสาร ภาพ วิดีโอ การเผยแพร่เสียงหรือภาพ มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท

3.        มาตรา 392 - การกระทำที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความตกใจ เช่น การโพสต์ขู่ทำร้าย มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4.        มาตรา 397 - การรังแก ข่มเหง คุกคาม หรือทำให้ผู้อื่นอับอายเดือดร้อน มีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

 

เเละประเทศไทยในปัจจุบันนี้มีร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ให้ครอบคลุมกระทำผ่านออนไลน์มากขึ้น

5.            (ร่างมาตรา 17) กำหนดเพิ่มเติมให้ผู้ใดกระทำความผิดในลักษณะการกลั่นแกล้ง รังแกทางออนไลน์ (Cyber Bullying) (กลั่นแกล้ง รังแก ระราน ข่มเหง หรือการกระทำลักษณะเดียวกันต่อผู้อื่น ผ่านอุปกรณ์โทรคมนาคมหรือระบบคอมพิวเตอร์) โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้ถูกกระทำได้รับความอับอาย หรือได้รับผลกระทบอย่างหนึ่งอย่างใดทางร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใด  ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

 

 

 

การแก้ปัญหาไซเบอร์บูลลี่จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งครอบครัว สถานศึกษา และสังคม เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมออนไลน์ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กและเยาวชนไทย การเรียนรู้ทักษะการใช้สื่อออนไลน์อย่างเหมาะสมและการสร้างภูมิคุ้มกันทางดิจิทัลจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เยาว์วัย รวมถึงการสร้างความตระหนักถึงบทลงโทษทางกฎหมายที่จะตามมาหากมีการกระทำความผิด

 

อ้างอิง

กรมประชาสัมพันธ์. เด็กไทยกับการเสี่ยงภัยไซเบอร์. https://radiothailand.prd.go.th/th/content/category/detail/id/1378/iid/277279Fillgoods. Cyberbullying คืออะไร วิธีรับมือการกลั่นแกล้งและระรานบนไซเบอร์แบบอยู่หมัด.https://fillgoods.co/facebook-marketing/no-shop-what-is-cyberbullying> Droidsans. ผลวิจัยเผย คนไทยมักล้อเลียนเรื่องรูปลักษณ์และเพศ ในโลกออนไลน์สูงถึง 36.4% และ 31.8%. https://droidsans.com/stop-cyber-bullying-campaign/ 

 

#มูลนิธิพิทักษ์เเละคุ้มครองเด็ก #SafeguardKids #StopCyberbullying #ไซเบอร์บูลลี่ #ปลอดภัยออนไลน์ #DigitalWellbeing




สีสิทธิเด็กที่เกี่ยวข้อง:

สีขาว: เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นในทุกประเด็นที่มีผลต่อพวกเขา และจะต้องถูกรับฟัง

สีเบจ: เด็กทุกคนมีสิทธิได้รับการปกป้องจากการแสวงหาผลประโยชน์และการถูกคุกคามทางเพศทุกรูปแบบ

สีฟ้า: ในการกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับเด็กผลประโยชน์ของเด็กจะต้องถือเป็นความสำคัญลำดับหนึ่ง

สีม่วง: เด็กทุกคนมีสิทธิในการใช้ชีวิตและพัฒนาตัวเอง

 

🚨 สามารถอ่านบทความฉบับย่อ อ่านง่าย แชร์ง่าย เเละติดตามเพื่อไม่พลาดข่าวสารด้านคุกคามทางเพศเด็กและเยาวชนใหม่ๆได้ที่ Facebook Safeguardkids.org 

หรือกดลิ้งค์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/safeguardkidsorg/ 

 

Kommentare


bottom of page