top of page
Safeguardkids_Brand-Update_page-0012.jpg

กลัวเเฟนไม่รัก ไม่กล้ามีความรัก กลัวความสัมพันธ์ระยะยาว กับบาดแผลในวัยเด็ก

(คำอธิบายเเถบสีอยู่ด้านล่าง)


ประสบการณ์เจ็บปวดในวัยเด็กส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ โดยหล่อหลอมรูปแบบความผูกพัน (attachment styles) ปัญหาความไว้วางใจ และรูปแบบการสื่อสาร ซึ่งอาจนำไปสู่ความซับซ้อนทางอารมณ์

 

บาดแผลในวัยเด็กคืออะไร?

"บาดแผลในวัยเด็ก" เป็นคำที่ครอบคลุมประสบการณ์เจ็บปวดที่เราอาจเผชิญตอนเป็นเด็ก เช่น:

  • ความรุนแรงทางร่างกาย

  • การล่วงละเมิดทางเพศ

  • ภัยพิบัติทางธรรมชาติ

  • การสูญเสียคนที่รัก

  • การถูกทอดทิ้ง

  • การอยู่ในสถานสงเคราะห์

  • เหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้เรารู้สึกกลัว หมดหนทาง หวาดผวา หรือท่วมท้นด้วยอารมณ์

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวและเยียวยาสามารถทำได้ผ่านการบำบัด การดูแลตัวเอง และการจัดการความสัมพันธ์ ซึ่งช่วยให้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้

 

ผลกระทบต่อความสัมพันธ์

รูปแบบความผูกพัน (Attachment Styles)

ทฤษฎีความผูกพันเสนอว่าความสัมพันธ์กับผู้ดูแลในวัยเด็กมีอิทธิพลต่อรูปแบบความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ มี 3 รูปแบบหลัก:

  1. แบบวิตกกังวล (Anxious-preoccupied) - กลัวการถูกทอดทิ้งอย่างมาก ต้องการการยืนยันตลอดเวลา มักรู้สึกว่าคู่ของตนไม่ได้ใส่ใจมากพอ

  2. แบบหลีกเลี่ยง (Dismissive-avoidant) - หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ผู้อื่น หรือไม่ไว้ใจคนสำคัญ ส่งผลให้ไม่เปิดใจทางอารมณ์

  3. แบบหวาดกลัวการใกล้ชิด (Fearful-avoidant) - ต้องการความรักและการเอาใจใส่ แต่มักหลีกเลี่ยงการพัฒนาความสัมพันธ์ใกล้ชิด

สามรูปแบบนี้เชื่อมโยงกับความยากลำบากในความสัมพันธ์ ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราเลือก แต่เกิดจากประสบการณ์วัยเด็กที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณ

 

  1. ปัญหาความไว้วางใจ

หากเรามีประสบการณ์เจ็บปวดในวัยเด็กเราอาจพบว่าเป็นเรื่องยากที่จะไว้ใจผู้อื่น เราอาจไม่มั่นใจว่าคู่ของเราจะอยู่เคียงข้างเมื่อเราต้องการ หรือไว้ใจคำพูดของพวกเขาเมื่อบอกว่าจะเคารพความต้องการและขอบเขตของเรา

 

  1. 🚩การตกอยู่ในวงจรบาดแผลซ้ำ(ชอบเหลือเกินธงเเดง)

เราอาจคิดว่าตัวเองกำลังวนเวียนอยู่ในวงจรเดิมจากชีวิตวัยเด็ก และนำตัวเองไปสู่สถานการณ์ที่อาจเจ็บปวดอีกครั้งทั้งทางอารมณ์หรือร่างกาย ไม่ใช่ว่าเราไม่รักตัวเอง แต่อาจเป็นกลไกป้องกันตัวเองที่นำเราไปหาสิ่งที่คุ้นเคย หรืออาจเป็นความพยายามโดยไม่รู้ตัวที่จะเยียวยาโดยการเผชิญกับความท้าทายเดิม

ดร. แนนซี่ เออร์วิน นักจิตวิทยาคลินิกในลอสแองเจลิส กล่าวว่า "หากบาดแผลนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข ผู้คนจะแสวงหาความสบายใจจากสิ่งที่คุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว แม้ว่ามันจะเจ็บปวดก็ตาม"

 

  1. อุปสรรคในการสื่อสาร

รูปแบบการสื่อสารที่พัฒนาในวัยเด็กอาจเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่:

  • แบบยอมจำนน (Passive) - อ้อมค้อม ปฏิเสธตัวเอง หรือขอโทษตลอดเวลา

  • แบบก้าวร้าว (Aggressive) - ไม่จริงใจทางอารมณ์ และเห็นแก่ตัวโดยไม่คำนึงถึงผู้อื่น

  • แบบก้าวร้าวแฝง (Passive-aggressive) - ไม่เหมาะสมในบางสถานการณ์ ชอบกล่าวโทษ ควบคุม โจมตีโดยตรง

 

  1. มีปัญหาด้านทักษะทางอารมณ์

ผู้ที่มีบาดแผลในวัยเด็กอาจมีปัญหาในการพัฒนาทักษะทางอารมณ์ (EQ) ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลซับซ้อนยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม EQ เป็นทักษะที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ในทุกวัย

 

ปัญหาต่าง ๆ สามารถเยียวยาได้

การฟื้นฟูจากบาดแผลในวัยเด็กสามารถทำได้ผ่านการดูแลตนเองและการบำบัดความสัมพันธ์:

การเข้าใจผลกระทบของบาดแผลในวัยเด็กเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ พัฒนาทักษะทางอารมณ์ และเสริมสร้างพลวัตความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น

 

🔹 การดูแลตัวเอง (Self-care)

การดูแลตัวเองให้เต็มเปี่ยมเป็นสิ่งสำคัญระหว่างที่คุณกำลังเยียวยาความสัมพันธ์

แม้การทำงานร่วมกับนักบำบัดที่เชี่ยวชาญด้านบาดแผลทางใจจะช่วยได้มาก แต่คุณก็สามารถเติมเต็มตัวเองด้วยกิจกรรมที่แสดงความรักต่อตัวเอง ซึ่งจะช่วยเสริมกระบวนการเยียวยา

มีทางเลือกบางอย่างที่ผ่านการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตโดยรวม เช่น:

  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่สมดุล มีสารอาหารครบถ้วนจากธรรมชาติ จะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นโดยรวม

  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายระดับปานกลาง อย่างน้อย 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน ช่วยเสริมสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ

  • สติและสมาธิ: การฝึกโยคะหรือทำสมาธิช่วยให้คุณได้ผ่อนคลาย

  • การนอนหลับ: การนอนให้เพียงพอ 7–9 ชั่วโมงต่อคืน ช่วยลดความเหนื่อยล้าและอาการปวดเรื้อรัง

  • การสะท้อนความคิด: การเขียนไดอารี่หรือใช้เวลาไม่กี่นาทีต่อวันไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ๆ จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น

 

🔹 การดูแลความสัมพันธ์ (Relationship care)

  • ลองเล่าอาจอธิบายกับคนรอบตัวว่า เรามีบาดแผลในวัยเด็กอาจส่งผลต่อรูปแบบความสัมพันธ์ของเรา เรากำลังพยายามเยียวยาและพัฒนาตัวเอง ซึ่งทำให้คนรอบตัวเข้าใจเราแล้วอยากช่วยเหลือ

  • ค่อย ๆ แชร์บางช่วงบางตอนของเรื่องราวกับคู่รักหรือเพื่อนสนิท เพื่อให้พวกเขาเข้าใจบริบทมากขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องเล่าทุกอย่างในครั้งเดียว

Brené Brown แนะนำไว้ว่า:

  • “ควรแบ่งปันเรื่องราวกับคนที่ ‘สมควรได้รับสิทธิ์ในการฟัง’ เท่านั้น”

แต่อย่าลืมว่า: คุณไม่จำเป็นต้องเปิดเผยเรื่องราวของคุณเลยก็ได้ เพื่อจะเยียวยาตัวเอง

ถ้าคุณและคนที่คุณรักพร้อมเปิดใจ การเข้ารับการบำบัดร่วมกัน เช่น การบำบัดคู่หรือครอบครัว อาจเป็นอีกทางเลือกที่ดี

 

 

เรียบเรียงและแปลจากบทความ https://psychcentral.com/blog/how-childhood-trauma-affects-adult-relationships#next-steps



สีสิทธิเด็กที่เกี่ยวข้อง (แถบสีด้านล่างภาพ): 

สีขาว: เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็น

สีเขียว: เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะมีเวลาพัก

สีน้ำเงิน: เด็กทุกคน จะได้รับสิทธิเท่าเทียมกันทุกคน

สีแดง: สิทธิที่จะรับการฟื้นฟู

สีส้ม: สิทธิที่จะได้รับการเลี้ยงทางเลือก เช่น การรับเป็นบุตรบุญธรรม

สีฟ้า: การกระทำใดๆที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ต้องถือเป็นความสำคัญลำดับหนึ่ง

สีม่วง:เด็กทุกคนมีสิทธิในการใช้ชีวิตและพัฒนาตัวเอง


🚨 สามารถอ่านบทความฉบับย่อ อ่านง่าย แชร์ง่าย เเละติดตามเพื่อไม่พลาดข่าวสารด้านคุกคามทางเพศเด็กและเยาวชนใหม่ๆได้ที่ Facebook Safeguardkids.org 

หรือกดลิ้งค์นี้ได้เลย https://www.facebook.com/safeguardkidsorg/ 

Comments

Couldn’t Load Comments
It looks like there was a technical problem. Try reconnecting or refreshing the page.
bottom of page