วิธีการล่วงละเมิดทางเพศ
การล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กเป็น อาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร
และถูกทำให้เป็นระบบมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อกล่าวถึงในด้านผู้ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กแล้ว แผนประทุษกรรมเป็นแผนการที่ผู้ล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กใช้ในการเข้าถึงเด็กและชุมชน สร้างโอกาสที่จะได้อยู่ตามลำพังกับเด็กเพื่อกระทำความผิด รวมไปถึงกลยุทธ์ต่างๆ ที่พวกเขานำมาใช้เพื่อป้องกันการสังเกตพบ
ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกมีการออกกฎหมายมาบังคับใช้ในระดับที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กมีวิธีการเข้าถึงเด็กและกระจายข้อมูลที่ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน และสื่อลามกอนาจารเด็ก โอกาสและสถานที่ในการเข้าถึงเด็กอื่นๆ ก็เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ กลุ่มผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่มีพฤติกรรมรุนแรงได้มีวิวัฒนาการเป็นชุมชนระดับโลกที่จัดตั้งอย่างเป็นระบบ และยังมีลักษณะเป็นอาชญากรรมที่จัดตั้งในลักษณะองค์กร โดยมีลักษณะดังกล่าวในระดับเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งรุนแรงเพิ่มขึ้นเมื่อมีการจัดให้เป็นระบบผ่านคนกลาง เป็นต้น
สิ่งพิมพ์ รายงาน รวมถึงการประเมินอย่างเป็นอิสระโดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย องค์กรเอกชน องค์การระดับภูมิภาคและองค์การระหว่างประเทศ ได้ระบุถึงแผนประทุษกรรมต่างๆ ของผู้เดินทางเพื่อล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก
บ่อยครั้งที่แผนประทุษกรรมของผู้เดินทางเพื่อล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กนั้น มักจะเป็นไปตามประเภทใดประเภทหนึ่งจากสองประเภท ซึ่งได้แก่ (1) ผู้ที่เข้าหาเด็กโดยตรง เช่น เด็กข้างถนนหรือเด็กในชุมชน และ (2) ผู้ที่ใช้เครือข่ายต่างๆ เพื่อเข้าถึงเด็ก เช่น สถานค้าประเวณี งานวิจัยและรายงานต่างๆ พบว่า ผู้เสียหายที่เป็นเด็กผู้ชายมีโอกาสมากกว่าที่จะถูกเข้าหาโดยตรง ในขณะที่ผู้เสียหายที่เป็นเด็กผู้หญิงมีโอกาสมากกว่าที่จะถูกเข้าหาผ่านทางสถานค้าประเวณี
แผนประทุษการเริ่มเปลี่ยนเป็นการใช้คนกลางหรือนายหน้าในการส่งตัวเด็กเพื่อการบริการทางเพศให้แก่ลูกค้าโดยตรงตามที่มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้า และใช้คนกลางนั้นควบคุมเด็ก นายหน้าอาจมาจากหลากหลายชนชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมักเป็นผู้ที่มีการติดต่อบางรูปแบบกับนักท่องเที่ยว โดยอาจเป็นคนขับรถแท็กซี่ คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง พนักงานโรงแรม มัคคุเทศก์ เด็กเดินชายหาด (เด็กเดินชายหาดคือ เด็กชายอ่อนวัยที่เข้าติดต่อนักท่องเที่ยวเองหรือผ่านทางผู้ควบคุมสถานค้าประเวณีก็แล้วแต่ เพื่อให้บริการทางเพศแก่นักท่องเที่ยว และทำการค้าประเวณีบนชายหาด) ในบางกรณี เด็กยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนเอง
ด้วยความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและความแพร่หลายของอินเทอร์เน็ต หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆ ได้ตระหนักถึงวิธีการใหม่ๆ ที่ผู้ค้าประเวณีเด็กนำมาใช้ทางออนไลน์ การใช้คอมพิวเตอร์ชักชวนเด็กเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ อาจรวมถึงการติดต่อเด็กโดยตรง หรือเว็บไซต์ที่เสนอบริการทางเพศของเด็ก นอกจากนี้ เมื่อทำการติดต่อเบื้องต้นแล้ว กิจกรรมที่ผิดกฎหมายอื่นๆ จึงเกิดขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งรวมไปถึงการเดินทางไปยังประเทศจุดหมายเพื่อร่วมกิจกรรมทางเพศกับเด็ก และยังมี “การซื้อบริการล่วงละเมิดทางเพศเด็กออนไลน์” ด้วย กรณีนี้ผู้กระทำความผิดจ่ายเงินซื้อบริการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก “จากอีกซีกโลกหนึ่ง” โดยผู้กระทำความผิดดูการล่วงละเมิดทางเพศเด็กผ่านเว็บแคมแบบเรียลไทม์ ดังนั้น เด็กอาจถูกล่วงละเมิดแม้ไม่มี “ชาวต่างชาติ” “เดินทางไป” ในประเทศนั้นจริง
แนวโน้มเพิ่มเติมที่มีการรายงานโดยหน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย รวมถึงรูปแบบการเดินทางที่เปลี่ยนไปของผู้กระทำความผิดทางเพศต่อเด็ก ในปัจจุบัน ผู้กระทำความผิดทางเพศต่อเด็กมีแนวโน้มที่จะเป็นผู้พำนักอาศัยและทำงานอยู่ในท้องถิ่นมาเป็นเวลานานมากกว่านักท่องเที่ยวในระยะสั้น พบบันทึกมากขึ้นว่าผู้กระทำความผิดลักลอบเข้าไปในชุมชนที่ห่างไกล เช่าบ้าน จ้างคนงานท้องถิ่น และสั่งสมความไว้วางใจจากสมาชิกชุมชนท้องถิ่น รวมทั้งครอบครัวและเด็กที่มีความเปราะบาง ในคดีประเภทนี้ ผู้กระทำความผิดทางเพศได้รับความยินยอมจากบิดามารดาของเด็กจากการหลอกลวง
หน่วยงานต่าง ๆ แจ้งเตือนว่ามีผู้กระทำความผิดทางเพศต่อเด็กจำนวนมากขึ้นที่ได้รับการจ้างงานเป็นครู ครูสอนพิเศษ และอาชีพอื่น ๆ ที่ต้องติดต่อกับเด็ก ซึ่งมักจะข้าถึงเด็กได้โดยแทบไม่มีการควบคุมใด ๆ การขาดการคัดกรองและกระบวนการสรรหาคนที่ไม่เหมาะสมเหล่านี้ทำให้สถานการณ์ลักษณะนี้คงมีอยู่ต่อไป
การค้าประเวณีที่ ‘ไม่เป็นไปตามรูปแบบดั้งเดิม’ กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กผู้หญิงกับผู้ชายชาวตะวันตกซึ่งอาจเป็นนักท่องเที่ยวหรือผู้พำนักในระยะสั้น ซึ่งเกี่ยวข้องกันโดยการมีความสัมพันธ์ทางเพศเพื่อแลกเปลี่ยนกับการตอบแทนในรูปแบบของการท่องเที่ยวเพื่อการจับจ่ายใช้สอย และการท่องเที่ยวโดยมีนักท่องเที่ยวหรือคนที่อาศัยในพื้นที่นั้นๆ เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ซึ่งสำหรับเด็กและครอบครัวของเด็ก อาจไม่ถือว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของการแสวงหาประโยชน์ทางเพศหรือการค้าประเวณี
ยาเสพติด และ แอลกอฮอล์
หน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมายได้ยืนยันข้อมูลจำนวนคดีล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดและแอลกอฮอล์ ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กมักจะล่อลวงเด็กและยื่นข้อเสนอให้ใช้แอลกอฮอล์และให้เล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ให้เด็กมีความรู้สึกถึงสายสัมพันธ์ของความไว้เนื้อเชื่อใจและความเข้าใจ แต่หากเด็กไม่ยอม ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กบางคนก็จะมอมยาเด็กแล้วจึงล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก เพราะว่าสามารถมีอำนาจเหนือและควบคุมเด็กได้ง่ายกว่า ผู้ล่วงละเมิดทางเพศเด็กบางคนทำแม้กระทั้งการสร้างยาที่มอมเด็กเพื่อนำมาล่อล่วงเด็กเป็นการเฉพาะเลย
การล่อลวงเด็กและบุคคลแวดล้อม
ผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็กมักบันทึกการกระทำผิดของตนไว้และแบ่งปันสื่อลามกอนาจารเด็กที่ตนทำขึ้นมานั้นกับผู้กระทำผิดคนอื่น ๆ ผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็กยังมักนำสื่อลามกอนาจารเด็กเหล่านี้ให้เด็กที่อาจตกเป็นเหยื่อดู เพื่อทำให้เด็กเชื่อว่ากิจกรรมทางเพศระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่นั้นเป็นเรื่องปกติ โดยสรุปก็คือ สำหรับผู้กระทำผิดทางเพศต่อเด็กสื่อลามกอนาจารเป็นทั้งรางวัลและเครื่องมือในการหาเหยื่อออนไลน์รายใหม่ ดังนั้น สื่อลามกอนาจารเด็กจึงไม่ควรจะมีอยู่ เนื่องจากเป็นหลักฐานของอาชญากรรมต่อเด็ก